หลังจากรับฟังความคิดเห็นจากประชาคม ม.อ.ครบทั้ง 5 วิทยาเขตในรอบแรกแล้ว จะมีการดำเนินการต่อตามกรอบเวลาและกิจกรรม ดังนี้
1. คณะกรรมการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ รวมทั้งคณะกรรมการยกร่าง พ.ร.บ. จะได้นำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ไปใช้ในการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.3 เป็นร่าง พ.ร.บ.4 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน 2556
2. เผยแพร่ร่างพ.ร.บ.4 ให้ประชาคมรับทราบอย่างกว้างขวางผ่านช่องทางต่าง ๆ
3. จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาคมทั้ง 5 วิทยาเขต ต่อ ร่าง พ.ร.บ. 4 ในช่วงเดือนธันวาคม 2556 -มกราคม 2557
4. นำำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ไปใช้ในการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.4 เป็นร่าง พ.ร.บ.5
5. นำร่าง พ.ร.บ.5 พิจารณากลั่นกรองในที่ประชุมคณบดีในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 และนำเสนอต่อที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยในวันที่ 1 มีนาคม 2557
คำถามคำตอบเกี่ยวกับการก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เผยแพร่โดย: คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาคม ม.อ.ในการดำเนินงานสู่การเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ
วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556
คำถามที่ 59: ข้าราชการที่เปลี่ยนสถานภาพไปเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย จะใช้สวัสดิการรักษาพยาบาลใน ระบบ “การจ่ายตรง” ต่อได้หรือไม่
ข้าราชการที่มีสิทธิรับบำนาญ เมื่อเปลี่ยนสถานภาพเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย และเลือกรับ
บำนาญจะใช้สิทธิจากข้าราชการบำนาญ จึงใช้สวัสดิการรักษาพยาบาลใน ระบบ “การจ่ายตรง” ต่อได้
บำนาญจะใช้สิทธิจากข้าราชการบำนาญ จึงใช้สวัสดิการรักษาพยาบาลใน ระบบ “การจ่ายตรง” ต่อได้
คำถามที่ 58: เมื่อสงขลานครินทร์เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐแล้วจะมีสถานะเป็นอย่างไร มีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมบ้าง
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จะมีสถานภาพดังนี้
1. เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการ และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ
2. เป็นหน่วยงานที่มีสถานะเป็นนิติบุคคล และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
3. เป็นหน่วยงานของรัฐที่ยังคงได้รับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินตามพระราชบัญญัติ วิธีการงบประมาณที่จำเป็นต่อการประกันคุณภาพการศึกษาไว้ได้อย่างเพียงพอ
4. เป็นหน่วยงานที่มีความคล่องตัว โดยมีสภามหาวิทยาลัยรับผิดชอบควบคุม กำกับทิศทางการดำเนินงาน และกำหนดระเบียบข้อบังคับในการบริหารจัดการในภารกิจต่าง ๆ ได้เองภายใต้ พ.ร.บ.ของมหาวิทยาลัย
1. เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการ และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ
2. เป็นหน่วยงานที่มีสถานะเป็นนิติบุคคล และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
3. เป็นหน่วยงานของรัฐที่ยังคงได้รับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินตามพระราชบัญญัติ วิธีการงบประมาณที่จำเป็นต่อการประกันคุณภาพการศึกษาไว้ได้อย่างเพียงพอ
4. เป็นหน่วยงานที่มีความคล่องตัว โดยมีสภามหาวิทยาลัยรับผิดชอบควบคุม กำกับทิศทางการดำเนินงาน และกำหนดระเบียบข้อบังคับในการบริหารจัดการในภารกิจต่าง ๆ ได้เองภายใต้ พ.ร.บ.ของมหาวิทยาลัย
วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556
คำถามที่ 57: มหาวิทยาลัยมีนโยบายเรื่องหน่วยงานสนับสนุนของมหาวิทยาลัย เช่น วิทยาลัยชุมชน อย่างไร
คงจะมีการปรับองค์กรใหม่เพื่อให้กระชับขึ้น ซึ่งรูปแบบกำลังมีการศึกษาอยู่ โดยจะมีองค์กรขนาดเล็ก ขนาดกลาง และ ขนาดใหญ่ และจะมีการประเมินที่เข้มข้นขึ้น อาจจะมีการยุบหน่วยงานเก่าตั้งหน่วยงานใหม่ตามความจาเป็น แต่จะไม่มีการให้บุคลากรออกเพราะการยุบเลิกหน่วยงาน ซึ่งการปรับเปลี่ยนยกเลิกหน่วยงานตาม พ.ร.บ. ที่ใช้ปัจจุบันก็เปิดโอกาสให้ทำได้ แต่จะมีขั้นตอนกระบวนการมาก
ปัจจุบัน วิทยาลัยชุมชนเป็นหน่วยบริการวิชาการ และ กำลังมีการจัดตั้งศูนย์บริการวิชาการของมหาวิทยาลัยขึ้นที่วิทยาเขตหาดใหญ่ แต่ในการทางานร่วมกันก็จะใช้หน่วยงานที่มีอยู่แล้วในวิทยาเขตต่าง ๆ เป็นเครือข่าย ร่วมทำหน้าที่บริการวิชาการเชิงรุก
ปัจจุบัน วิทยาลัยชุมชนเป็นหน่วยบริการวิชาการ และ กำลังมีการจัดตั้งศูนย์บริการวิชาการของมหาวิทยาลัยขึ้นที่วิทยาเขตหาดใหญ่ แต่ในการทางานร่วมกันก็จะใช้หน่วยงานที่มีอยู่แล้วในวิทยาเขตต่าง ๆ เป็นเครือข่าย ร่วมทำหน้าที่บริการวิชาการเชิงรุก
คำถามที่ 56: ได้มีการประเมินสภาพคล่องทางการเงินของแต่ละวิทยาเขตหรือไม่ ว่าอยู่ในระดับใด
ปัจจุบัน แม้อยู่ในระบบราชการก็มีการวิเคราะห์สภาพคล่องทางการเงินอยู่แล้ว เนื่องจากมีข้อจำกัดของงบประมาณที่ได้รับ ทำให้เราต้องศึกษาว่าแต่ละวิทยาเขต มีการใช้จ่ายเงินเป็นเช่นไร จะมีการประหยัดงบประมาณได้อย่างไร จะดูแลอย่างไร ในการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่น กับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก็ได้มีการพูดคุยกันเรื่องการจัดองค์กรที่เหมาะสม สาหรับสถานการณ์ปัจจุบัน
คำถามที่ 55: ข้าราชการเมื่อปรับเปลี่ยนระบบแล้ว จะมีการประเมินผลการปฏิบัติงานที่เหมือนหรือแตกต่างจากพนักงานมหาวิทยาลัยอย่างไร
ข้าราชการหากไม่ปรับเปลี่ยนสถานะ ไม่ได้อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ใหม่ ยังคงอยู่ในกติกาของราชการ มีการประเมินตามระเบียบราชการ จะไม่มีสัญญาจ้างเนื่องจากเป็นการอยู่ทางานจนเกษียณอายุ แต่ถ้าปรับเปลี่ยนจะเข้าสู่ระบบการประเมินของพนักงานมหาวิทยาลัย ในขณะเดียวกันก็ได้สิทธิ์ของข้าราชการบำนาญด้วย
คำถามที่ 54: ข้าราชการที่ปรับเปลี่ยนสถานะจะใช้ระบบแท่งเงินเดือนของพนักงานใช่หรือไม่
ใช่ เมื่อมีการปรับเปลี่ยน ผู้ที่เป็นพนักงานอยู่แล้วจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ผู้ที่ปรับเปลี่ยนจากข้าราชการเป็นพนักงานจะต้องมาใช้ระบบการขึ้นเงินเดือนของพนักงาน อย่างไรก็ตาม ในช่วงการปรับเปลี่ยน จะมีการคูณเงินเดือนด้วย 1.3 ซึ่งแม้จะมากขึ้น แต่ก็จะไม่เกินแท่งเงินเดือนของพนักงาน (อัตราคูณ 1.3 คืออัตราที่มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐอื่นๆ ได้รับในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าเราจะได้ตามนี้)
คำถามที่ 53: ตาม พ.ร.บ.ใหม่ รองอธิการบดีวิทยาเขตไม่เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย อาจทำให้ปัญหาของแต่ละวิทยาเขตไม่ได้รับการสะท้อนสู่สภามหาวิทยาลัยหรือไม่
พ.ร.บ.ใหม่ถือว่า อธิการบดี คือ บุคคลที่มีอำนาจและความรับผิดชอบสูงสุดในองค์กร หรือ CEO ของมหาวิทยาลัย ส่วนรองอธิการบดีฝ่ายต่าง ๆ ได้รับการแต่งตั้งจากสภามหาวิทยาลัยโดยข้อเสนอของอธิการบดี อย่างไรก็ตาม จะบันทึกประเด็นนี้ไว้พิจารณาต่อไป ในบางมหาวิทยาลัย มีอธิการบดีและรองอธิการบดี 1-2 คน เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยด้วย
ใน พ.ร.บ.ใหม่ไม่มีสภาวิชาการ เนื่องจากในขณะนี้มีสภาวิทยาเขตทำหน้าที่แทนสภาวิชาการ หากมีสภาวิชาการก็จะเป็นการย้อนเข้าสู่ระบบเดิม อย่างไรก็ตาม ใน พ.ร.บ.ปี 2522 ก็ไม่มีสภาวิชาการแต่อาศัยอำนาจสภามหาวิทยาลัยออกเป็นข้อบังคับ ซึ่งใน พ.ร.บ.ใหม่ก็ใช้แนวทางลักษณะนี้เช่นเดียวกัน
ใน พ.ร.บ.ใหม่ไม่มีสภาวิชาการ เนื่องจากในขณะนี้มีสภาวิทยาเขตทำหน้าที่แทนสภาวิชาการ หากมีสภาวิชาการก็จะเป็นการย้อนเข้าสู่ระบบเดิม อย่างไรก็ตาม ใน พ.ร.บ.ปี 2522 ก็ไม่มีสภาวิชาการแต่อาศัยอำนาจสภามหาวิทยาลัยออกเป็นข้อบังคับ ซึ่งใน พ.ร.บ.ใหม่ก็ใช้แนวทางลักษณะนี้เช่นเดียวกัน
คำถามที่ 52: พ.ร.บ.ของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐหลายแห่งมีประเด็นเรื่อง ทุนการศึกษา การแถลงผลงานของสภามหาวิทยาลัย พ.ร.บ.ของม.อ.จะกำหนดไว้ด้วยหรือไม่
ในส่วนของการแถลงผลงานของสภามหาวิทยาลัย ของ ม.อ.ไม่ได้เขียนไว้ละเอียดมาก เพราะจะมีระบบการตรวจสอบและประเมินผลความสำเร็จในการปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัย ซึ่งได้กำหนดไว้ในเกณฑ์การประเมินคุณภาพตามระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และการประเมินคุณภาพภายนอก ของสำนักงานรับรองมาตรฐานประประเมินคุณภาพ (สมศ.)
สำหรับเรื่องทุนการศึกษา และ การรับรองว่าผู้สอบเข้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ จะต้องได้รับการดูแลจนจบปริญญาตรี โดยไม่มีเหตุต้องให้ออกเนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษา จะแจ้งต่อคณะกรรมการร่างข้อบังคับรับไว้พิจารณา
ทั้งนี้ใน พ.ร.บ. ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีข้อความระบุว่า ให้มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญและ คำนึงถึงความเสมอภาคในโอกาสทางการศึกษา อย่างไรก็ตาม การที่จะบอกว่านักศึกษายากจนในระดับใดจึงจะเข้าเกณฑ์การได้รับทุน จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง โดยปกติมหาวิทยาลัยและรัฐบาล ก็ได้มีการดูแล เช่นการให้ทุนการศึกษาอยู่แล้ว และตั้งแต่เปิดมหาวิทยาลัยมาไม่เคยปรากฏว่ามีผู้ต้องออกจากการศึกษาเนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าเรียน อีกทั้งมหาวิทยาลัยและคณะได้มีการจัดสรรเงินรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นทุนการศึกษา
สำหรับเรื่องทุนการศึกษา และ การรับรองว่าผู้สอบเข้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ จะต้องได้รับการดูแลจนจบปริญญาตรี โดยไม่มีเหตุต้องให้ออกเนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษา จะแจ้งต่อคณะกรรมการร่างข้อบังคับรับไว้พิจารณา
ทั้งนี้ใน พ.ร.บ. ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีข้อความระบุว่า ให้มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญและ คำนึงถึงความเสมอภาคในโอกาสทางการศึกษา อย่างไรก็ตาม การที่จะบอกว่านักศึกษายากจนในระดับใดจึงจะเข้าเกณฑ์การได้รับทุน จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง โดยปกติมหาวิทยาลัยและรัฐบาล ก็ได้มีการดูแล เช่นการให้ทุนการศึกษาอยู่แล้ว และตั้งแต่เปิดมหาวิทยาลัยมาไม่เคยปรากฏว่ามีผู้ต้องออกจากการศึกษาเนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าเรียน อีกทั้งมหาวิทยาลัยและคณะได้มีการจัดสรรเงินรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นทุนการศึกษา
คำถามที่ 51: การปรับเปลี่ยน พ.ร.บ.ที่บังคับใช้ไปแล้วจะทำได้หรือไม่ และจะต้องมีขั้นตอนอย่างไร
พ.ร.บ. คือ กฎหมาย การแก้ไข พ.ร.บ. จะต้องมีกระบวนการที่ยาวนาน ต้องมีการแก้กฎหมาย ต้องมีการยกร่างใหม่เพื่อเสนอไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎร จึงไม่มีการแก้ไขบ่อย ดังนั้นการเขียน พ.ร.บ. จึงต้องเขียนเป็นภาพกว้าง ๆ เป็นการวางกรอบไว้ ส่วนรายละเอียดจะนามาเขียนเป็นข้อบังคับซึ่งจะแก้ไขโดยสภามหาวิทยาลัย ซึ่งจะง่ายกว่า
พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่ใช้ทุกวันนี้คือ พ.ร.บ. ปี 2522 ซึ่งใช้มานานและยังไม่มีการเปลี่ยน แต่มีการดำเนินการตามกรอบที่วางไว้โดยการออกระเบียบ เช่น ระเบียบการเงิน พัสดุ ที่ออกโดยสภามหาวิทยาลัย
พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่ใช้ทุกวันนี้คือ พ.ร.บ. ปี 2522 ซึ่งใช้มานานและยังไม่มีการเปลี่ยน แต่มีการดำเนินการตามกรอบที่วางไว้โดยการออกระเบียบ เช่น ระเบียบการเงิน พัสดุ ที่ออกโดยสภามหาวิทยาลัย
วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556
คำถามที่ 50: มีการเผยแพร่ร่าง พ.ร.บ. ในช่องทางใดบ้าง
มหาวิทยาลัยได้แจ้งบุคลากรทาง E-Mail และ เผยแพร่ผ่านช่องทางต่อไปนี้
1. Facebook สงขลานครินทร์กับการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ที่ ้https://www.facebook.com/groups/502809166466344/
2. เว็บไซต์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กับการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ที่ http://www.psu.ac.th/th/psu-autonomy ซึ่งจะมีข้อมูลอื่น ๆ เช่น การสื่อสารจากอธิการบดี ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ.........(ฉบับล่าสุดคือ ร่าง 3) กิจกรรมรับฟังความคิดเห็นและข่าวสารประชาสัมพันธ์ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง และ FAQ: คำตอบสำหรับคำถามที่มักถามบ่อย
1. Facebook สงขลานครินทร์กับการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ที่ ้https://www.facebook.com/groups/502809166466344/
2. เว็บไซต์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กับการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ที่ http://www.psu.ac.th/th/psu-autonomy ซึ่งจะมีข้อมูลอื่น ๆ เช่น การสื่อสารจากอธิการบดี ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ.........(ฉบับล่าสุดคือ ร่าง 3) กิจกรรมรับฟังความคิดเห็นและข่าวสารประชาสัมพันธ์ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง และ FAQ: คำตอบสำหรับคำถามที่มักถามบ่อย
คำถามที่ 49: ในมาตรา 26 กำหนดให้มีคณะกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์ แต่จะมีคณะกรรมการวินัยเพื่อ พิจารณาความผิดของผู้บริหารงานผิด หรืออกคําสั่งผิด เพื่อให้ผู้บริหารมีการระมัดระวังในการลงโทษพนักงานหรือไม่
จะกำหนดไว้ในข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคล ซึ่งออกโดยสภามหาวิทยาลัย โดยครอบคลุมเรื่อง
วินัย จรรยาบรรณ ของบุคลากรทุกคนอยู่แล้ว ผู้ทําผิดกติกาทั้งผู้บริหารและบุคลากรทั่วไปก็จะถูกลงโทษตามลักษณะของความผิด
ระบบใหม่ที่จะใช้ในอนาคต คือ ระบบสําหรับพนักงานมหาวิทยาลัยปัจจุบันและจะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ดังนั้น มหาวิทยาลัยต้องการรับฟังความคิดเห็นจากพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ในระบบนี้มาแล้ว เพื่ อนําไปปรับเป็ นข้อบังคับใหม่
วินัย จรรยาบรรณ ของบุคลากรทุกคนอยู่แล้ว ผู้ทําผิดกติกาทั้งผู้บริหารและบุคลากรทั่วไปก็จะถูกลงโทษตามลักษณะของความผิด
ระบบใหม่ที่จะใช้ในอนาคต คือ ระบบสําหรับพนักงานมหาวิทยาลัยปัจจุบันและจะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ดังนั้น มหาวิทยาลัยต้องการรับฟังความคิดเห็นจากพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ในระบบนี้มาแล้ว เพื่ อนําไปปรับเป็ นข้อบังคับใหม่
คำถามที่ 47: ค่ารักษาพยาบาลปัจจุบันอิงกรมบัญชีกลาง ต่อไปจะมีการกําหนดค่ารักษาพยาบาลเอง หรือไม
มหาวิทยาลัยยังรับการสนับสนุนจากรัฐซึ่งมาจากเงินภาษีประชาชน จึงไม่สามารถตั้งราคาค่ารักษาพยาบาลเหมือนภาคเอกชนได้ แม้ปัจจุบันหลายอย่างจะสามารถตั้งระบบของตนเองก็ตาม
คำถามที่ 46: จะมีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการเงิน สินทรัพย์ ของมหาวิทยาลัยหรือไม่ เพื่อให้มีความมั่นคงทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ในร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัย กําหนดให้สามารถที จะตั้งหน่วยงานที่ดูแลจัดการทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย
และให้เกิดรายได้มากขึ้น
และให้เกิดรายได้มากขึ้น
คำถามที่ 45: พนักงานมหาวิทยาลัยเดิม เมื่อมหาวิทยาลัยปรับเปลี่ยนระบบ จะมีความก้าวหน้าอย่างไรบ้าง เพราะใน พ.ร.บ.ของหลายมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้กล่าวถึงไว้
ความก้าวหน้าของพนักงานมหาวิทยาลัยจะมีการกำหนดไว้เป็นข้อบังคับ
คำถามที่ 44: ข้าราชการปรับเปลี่ยนเป็นพนักงานจะได้ตัวคูณเงินเดือน 1.3 เท่า แต่ที่ทราบมาคือ เมื่อข้าราชการปรับเปลี่ยนเป็นพนักงาน จะได้เงินเดือนเพิ่ม 1.5 เท่า แต่มหาวิทยาลัยจะนําไปใช้ในกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ ถามว่า ข้าราชการมี กบข.อยู่แล้ว ไม่ต้องใช้กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ ทําไมถึงไม่เป็ น 1.4-1.5 เท่า
ตัวคูณ 1.3 เท่า เป็นตัวเลขที่อิงมาจาก จุฬา และ มหิดล โดยมหาวิทยาลัยไม่ได้หักเงินส่วนอื่นไว้ เพราะข้าราชการยังคงได้รับผลประโยชน์อื่น ๆ อยู่แล้ว เช่น มีสิทธิและสวัสดิการของข้าราชการบํานาญหลังพ้นจากราชการ ส่วนพนักงานก็ได้สิทธิของการเป็ นพนักงานเหมือนอยู่ในระบบราชการแต่จะเป็ นบุคลากรกลุ่มหลักของหน่วยงาน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ นํามาหารือกันในช่วงนี้ยังไม่แน่นอน ยังเป็นตัวเลขที่อ้างอิงมหาวิทยาลัยที่ปรับเปลี่ยนสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับ ฯ แล้ง ในส่วนของ ม.อ. ต้องพิจารณาตัวเลขที่ ได้รับจริงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ นํามาหารือกันในช่วงนี้ยังไม่แน่นอน ยังเป็นตัวเลขที่อ้างอิงมหาวิทยาลัยที่ปรับเปลี่ยนสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับ ฯ แล้ง ในส่วนของ ม.อ. ต้องพิจารณาตัวเลขที่ ได้รับจริงอีกครั้ง
คำถามที่ 43: อยากให้ขยายความที่ว่าบริการนักศึกษาจะดีกว่าเดิม ในด้านใดบ้าง
ี เห็นได้ชัดคือการปรับการบริการ ลดขั้นตอนให้เป็ น one stop service ซึ่ งบางอย่างหากอยู่ในระบบราชการ
จะเปลี ยนยากเช่น ระบบการเงิน การลดขั้นตอนจะสามารถประหยัดเงินด้านบริหารจัดการ เพื่อมาให้บริการสิ่งอํานวยความสะดวกให้นักศึกษาได้ เช่น รถบริการ ทางเดิน ระบบหอพัก
จะเปลี ยนยากเช่น ระบบการเงิน การลดขั้นตอนจะสามารถประหยัดเงินด้านบริหารจัดการ เพื่อมาให้บริการสิ่งอํานวยความสะดวกให้นักศึกษาได้ เช่น รถบริการ ทางเดิน ระบบหอพัก
คำถามที่ 42: ทําไมไม่มีตัวแทนรองอธิการบดีเป็นกรรมการสภา
เพราะมีอธิการบดีเป็นตัวแทนผู้บริหาiอยู่แล้ว และ ม.อ. มีรองอธิการบดีจํานวนมากเพราะมีหลาย
วิทยาเขต ตามโครงสร้างจะกําหนดให้กรรมการสภา ฯ มีตัวแทนจากมหาวิทยาลัยน้อย และจะมีรองอธิการบดี 1 คน เป็นเลขาที่ประชุมสภาฯ โดยไม่ได้เป็นกรรมการ
วิทยาเขต ตามโครงสร้างจะกําหนดให้กรรมการสภา ฯ มีตัวแทนจากมหาวิทยาลัยน้อย และจะมีรองอธิการบดี 1 คน เป็นเลขาที่ประชุมสภาฯ โดยไม่ได้เป็นกรรมการ
คำถามที่ 41: สามารถตั้งสหภาพได้หรือไม่
สามารถมีสภาอาจารย์ และสภาพนักงานได้ แต่ไม่สามารถตั้งสหภาพซึ่งรวมไปถึงการนัดหยุด
งานได้ เนื่องจากเป็นหน่วยงานบริการประชาชน
งานได้ เนื่องจากเป็นหน่วยงานบริการประชาชน
คำถามที่ 40: พนักงานเงินรายได้ ทําไมไม่มีการระบุไว้ในร่าง พ.ร.บ.ใหม่ และลูกจ้างประจําจะเป็นเช่นไรหาก ปรับเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับ
ใน พ.ร.บ. จะระบุถึงบุคลากรหรือพนักงานประจํา แต่พนักงานเงินรายได้ซึ่งเดิมคือลูกจ้างชั ่วคราวไม่ได้
สถานภาพถาวร เป็นระบบการจ้างชั่วคราวที่ หน่วยงาน หรือ องค์กรเป็ นผู้จัดระบบขึ้นมาเอง
ส่วนลูกจ้างประจําเดิมใช้ระเบียบกระทรวงการคลังในการบริหารเงินเดือน บริหารบุคคล ซึ่งต่างจาก
ข้าราชการที่ดูแลโดย กพอ. ลูกจ้างประจําสามารถปรับเปลี่ยนมาสู่ระบบใหม่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย
ประเภทลูกจ้างประจํา แต่เงินเดือนใหม่จะไม่มีตัวคูณเหมือนข้าราชการ สิทธิประโยชน์จะเหมือนเดิม เช่นใน เรื่ องของการรักษาพยาบาล แต่ไม่มีสิทธิประโยชน์ตามระบบบํานาญ
สถานภาพถาวร เป็นระบบการจ้างชั่วคราวที่ หน่วยงาน หรือ องค์กรเป็ นผู้จัดระบบขึ้นมาเอง
ส่วนลูกจ้างประจําเดิมใช้ระเบียบกระทรวงการคลังในการบริหารเงินเดือน บริหารบุคคล ซึ่งต่างจาก
ข้าราชการที่ดูแลโดย กพอ. ลูกจ้างประจําสามารถปรับเปลี่ยนมาสู่ระบบใหม่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย
ประเภทลูกจ้างประจํา แต่เงินเดือนใหม่จะไม่มีตัวคูณเหมือนข้าราชการ สิทธิประโยชน์จะเหมือนเดิม เช่นใน เรื่ องของการรักษาพยาบาล แต่ไม่มีสิทธิประโยชน์ตามระบบบํานาญ
คำถามที่ 39: เงินประจําตําแหน่งของข้าราชการเดิม เมื่อปรับเป็นพนักงานแล้วยังจะได้อย่หรือไม่
ยังคงได้รับเหมือนเดิม เพราะได้รับการปกป้องตามมาตรา 76 ให้ได้รับค่าจ้าง เงินเดือน และ ประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที เคยได้รับก่อนเข้าเป็ นพนักงานมหาวิทยาลัย
คำถามที่ 38: ข้าราชการที่เปลี่ยนเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยต้องเข้ากองทุนสํารองเลี้ยงชีพ หรือไม่
ไม่ต้อง เพราะมีกองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการ กบข.อยู่แล้ว และจะต่ออายุ กบข.ได้ แต่ต้องมา
คํานวณใหม่โดยไม่ได้คิดจากเงินเดือนที่มีการปรับเปลี ยน แต่จะเอาเงินเดือนเดิมเป็นตัวตั้งบวกด้วย 6
เปอร์เซ็นต์
คํานวณใหม่โดยไม่ได้คิดจากเงินเดือนที่มีการปรับเปลี ยน แต่จะเอาเงินเดือนเดิมเป็นตัวตั้งบวกด้วย 6
เปอร์เซ็นต์
คำถามที่ 37: ผู้บริหารต้องแถลงนโยบายหรือไม่ และ ต้องรับผิดชอบหากเกิดความเสียหายจากการบริหารเพียงใด
ในร่างพ.ร.บ.ระบุไว้ว่าผู้บริหารต้องได้รับการประเมิน ตั้งแต่ระดับอธิการบดีลงไป ซึ่ งรายละเอียดจะอยู่
ในข้อบังคับ และมหาวิทยาลัยสามารถจะกำหนดวิธีการและรูปแบบการประเมินของตนเองได้ นอกจากนั้นอธิการบดีและสภามหาวิทยาลัยจะต้องมีความรับผิดชอบกับนโยบายและผลการดำเนินงาน หากทําให้เกิดความเสียหายกับมหาวิทยาลัย
นอกจากนั้น ในมาตรา 26 ในร่าง พ.ร.บ.ใหม่ระบุให้มีคณะกรรมการอุทธรณ์ร้องทุกข์ มีอํานาจหน้าที
พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คําสั่งลงโทษทางวินัย พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คําสั งที ผู้อุทธรณ์ถูกสั งให้ออกจากงาน พิจารณาเรื่ องร้องทุกข์ที่ผู้ร้องทุกข์เห็นว่าผู้บังคับบัญชาใช้อํานาจหน้าที ปฏิบัติต่อตนโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันจะมีการปฏิบัติตามนี้แม้จะไม่มีกำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ปัจจุบัน
ในข้อบังคับ และมหาวิทยาลัยสามารถจะกำหนดวิธีการและรูปแบบการประเมินของตนเองได้ นอกจากนั้นอธิการบดีและสภามหาวิทยาลัยจะต้องมีความรับผิดชอบกับนโยบายและผลการดำเนินงาน หากทําให้เกิดความเสียหายกับมหาวิทยาลัย
นอกจากนั้น ในมาตรา 26 ในร่าง พ.ร.บ.ใหม่ระบุให้มีคณะกรรมการอุทธรณ์ร้องทุกข์ มีอํานาจหน้าที
พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คําสั่งลงโทษทางวินัย พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คําสั งที ผู้อุทธรณ์ถูกสั งให้ออกจากงาน พิจารณาเรื่ องร้องทุกข์ที่ผู้ร้องทุกข์เห็นว่าผู้บังคับบัญชาใช้อํานาจหน้าที ปฏิบัติต่อตนโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันจะมีการปฏิบัติตามนี้แม้จะไม่มีกำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ปัจจุบัน
คำถามที่ 36: การไม่เป็นส่วนราชการยังคงสามารถรับเงินอุดหนุนจากหน่วยราชการอื่น เช่น จากจังหวัด ได้หรือไม่
ยังรับได้โดยเงินที่ เข้ามาจะจัดเป็นประเภทเงินรายได้มหาวิทยาลัยซึ่งจะมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการคล่องตัวมากขึ้น
คำถามที่ 35: พ.ร.บ.ใหม่จะเอื้อให้การบริหารงานวิทยาเขตต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
พ.ร.บ. ที่ร่างไว้ในปี พ.ศ. 2542 ยกร่างจากแนวคิดของความเป็นมหาวิทยาลัยหลายวิทยาเขต มีการแยก
งบประมาณวิทยาเขตเป็นวิทยาเขตละฉบับ มีสภาวิทยาเขตซึ่งใช้แนวทางจากมหาวิทยาลัยในอเมริกา ซึ่งสํานักงานกฤษฎีกาไม่เห็นชอบและได้ยกร่างฉบับใหม่กลับมาให้ ซึ่ งเหมือนกับของมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ดังนั้น ร่าง พ.ร.บ. ใหม่จึงมีการระบุเรื่ องการบริหารแบบหลายวิทยาเขตไว้ในข้อบังคับ โดยได้มีการวางโครงสร้างไว้แล้วว่าให้มีสํานักงานวิทยาเขต และปัจจุบันกําลังทดลองให้แต่ละวิทยาเขตมีสภาวิทยาเขต ทำหน้าที่ชี้แนะและร่วมกำหนดทิศทางวิชาการของวิทยาเขต ซึ่งเป็ นระบบที่ ยังไม่มีมหาวิทยาลัยใดทํามาก่อน
งบประมาณวิทยาเขตเป็นวิทยาเขตละฉบับ มีสภาวิทยาเขตซึ่งใช้แนวทางจากมหาวิทยาลัยในอเมริกา ซึ่งสํานักงานกฤษฎีกาไม่เห็นชอบและได้ยกร่างฉบับใหม่กลับมาให้ ซึ่ งเหมือนกับของมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ดังนั้น ร่าง พ.ร.บ. ใหม่จึงมีการระบุเรื่ องการบริหารแบบหลายวิทยาเขตไว้ในข้อบังคับ โดยได้มีการวางโครงสร้างไว้แล้วว่าให้มีสํานักงานวิทยาเขต และปัจจุบันกําลังทดลองให้แต่ละวิทยาเขตมีสภาวิทยาเขต ทำหน้าที่ชี้แนะและร่วมกำหนดทิศทางวิชาการของวิทยาเขต ซึ่งเป็ นระบบที่ ยังไม่มีมหาวิทยาลัยใดทํามาก่อน
คำถามที่ 34: ผู้ที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยอยู่แล้วเมื่อเข้าสู่ระบบใหม่จะเป็นอย่างไร
ระบบของพนักงานมหาวิทยาลัยจะเป็นตัวหลักของระบบใหม่อยู่แล้ว แต่กําลังมีการสํารวจถึงข้อควร
ปรับปรุงที่อาจมีอยู่ เพื่อประกอบการยกร่าง พ.ร.บ. ใหม่ เพื่อใช้ร่วมกันระหว่างข้าราชการที่ แปรสภาพเป็น
พนักงานมหาวิทยาลัย กับพนักงานมหาวิทยาลัยเดิม ในปี 2557 ข้าราชการและพนักงานจะมีจํานวนเท่ากันแต่เมื่ อเป็นมหาวิทยาลัยในกํากับ ฯ กระแสหลักในระเบียบบริหารงานบุคคลจะเป็นพนักงาน ซึ่งมีจํานวนมากกว่าในการร่าง พ.ร.บ. และการออกข้อบังคับ ได้มีการพูดคุยกับมหาวิทยาลัยที ปรับเปลี่ ยนสถานะเพื่อนําส่วนดีของ พ.ร.บ. ของเขามาใช้ บางมหาวิทยาลัย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการปรับเปลี ยนมาแล้ว 5 ปี โดยไม่มีการขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษา และยังคงได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล เช่นเดิมไม่มีปัญหาเรื่องการดูแลและให้เงินชดเชยต่าง ๆ
ปรับปรุงที่อาจมีอยู่ เพื่อประกอบการยกร่าง พ.ร.บ. ใหม่ เพื่อใช้ร่วมกันระหว่างข้าราชการที่ แปรสภาพเป็น
พนักงานมหาวิทยาลัย กับพนักงานมหาวิทยาลัยเดิม ในปี 2557 ข้าราชการและพนักงานจะมีจํานวนเท่ากันแต่เมื่ อเป็นมหาวิทยาลัยในกํากับ ฯ กระแสหลักในระเบียบบริหารงานบุคคลจะเป็นพนักงาน ซึ่งมีจํานวนมากกว่าในการร่าง พ.ร.บ. และการออกข้อบังคับ ได้มีการพูดคุยกับมหาวิทยาลัยที ปรับเปลี่ ยนสถานะเพื่อนําส่วนดีของ พ.ร.บ. ของเขามาใช้ บางมหาวิทยาลัย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการปรับเปลี ยนมาแล้ว 5 ปี โดยไม่มีการขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษา และยังคงได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล เช่นเดิมไม่มีปัญหาเรื่องการดูแลและให้เงินชดเชยต่าง ๆ
คำถามที่ 33: มหาวิทยาลัยมีแนวโน้มจะขับเคลื่อนตําแหน่งวิชาการของพนักงานมหาวิทยาลัยอย่างไร
เรื่ องการกําหนดเกณฑ์มาตรฐานภาระงานของตําแหน่งวิชาการ เราสามารถกําหนดเองได้โดยขั้นตํ่ า
จะไม่น้อยกว่าของสํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาที่ประกาศใช้ ส่วนการเข้าสู่เส้นทางอาชีพนั้น ที่ประชุม คบม. ได้มีการกําหนดระยะเวลาในการเข้าสู่ตําแหน่งวิชาการไว้แล้ว เช่น ผู้ที่จบปริญญาเอกต้องเข้าสู่ตําแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ภายใน 4 ปี เป็นต้น
จะไม่น้อยกว่าของสํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาที่ประกาศใช้ ส่วนการเข้าสู่เส้นทางอาชีพนั้น ที่ประชุม คบม. ได้มีการกําหนดระยะเวลาในการเข้าสู่ตําแหน่งวิชาการไว้แล้ว เช่น ผู้ที่จบปริญญาเอกต้องเข้าสู่ตําแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ภายใน 4 ปี เป็นต้น
คำถามที่ 32: ทำไมร่าง พ.ร.บ.หมวด 6 ไม่มีการใส่ตําแหน่งวิชาการของสายสนับสนุนไว้
ในหมวด 6 ของ พ.ร.บ.จะระบุไว้เฉพาะตําแหน่งทางวิชาการของอาจารย์ ส่วนตําแหน่งวิชาการของ
สายสนับสนุนจะกำหนดเป็นข้อบังคับ ซึ่งยังมีรายละเอียดอีกมากที่จะยกร่างไว้ในข้อบังคับซึ่ งออกโดยสภามหาวิทยาลัย และกําลังมีการยกร่างประเด็นที่เกี่ยวกับการดูแลนักศึกษา ทุนการศึกษา โดยจะทยอยออกมาคู่ขนานกับ พ.ร.บ.แต่ละมาตราตามความจําเป็ น โดยมีการให้เวลาในการออกข้อบังคับเป็นระยะเวลา 3 ปี ในการทําประชาพิจารณ์ในรอบต่อไปจะได้เห็นชัดเจนขึ้นในหลายเรืื่อง
สายสนับสนุนจะกำหนดเป็นข้อบังคับ ซึ่งยังมีรายละเอียดอีกมากที่จะยกร่างไว้ในข้อบังคับซึ่ งออกโดยสภามหาวิทยาลัย และกําลังมีการยกร่างประเด็นที่เกี่ยวกับการดูแลนักศึกษา ทุนการศึกษา โดยจะทยอยออกมาคู่ขนานกับ พ.ร.บ.แต่ละมาตราตามความจําเป็ น โดยมีการให้เวลาในการออกข้อบังคับเป็นระยะเวลา 3 ปี ในการทําประชาพิจารณ์ในรอบต่อไปจะได้เห็นชัดเจนขึ้นในหลายเรืื่อง
คำถามที่ 31: การเพิ่มเงินเดือน 1.3 เท่าจะเป็นการเพิ่มในอัตราส่วนที่เท่ากันทั้งสายวิชาการ และ สายสนับสนุน ใช่หรือไม่ เพราะอัตราจ้างพนักงานในปัจจุบัน จะเป็น 1.3 และ 1.5 เท่า
เงินที่ได้เพิ่ ม 1.3 เท่าของการเปลี่ ยนจากข้าราชการเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย เป็นเงินเฉพาะกิจที่ใช้
ในช่วงการเปลี ยนผ่าน เป็นค่าเฉลี่ยที่กำหนดจากฐานเงินเดือนเดิมแล้วคูณด้วย 1.3 เหมือนกันทั้งสายวิชาการและสายสนับสนุน ซึ่งเป็นการเพิ่ มที่มากที่สุดที ่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้มีการต่อรองแล้ว แต่ไม่ใช่อัตราที่ใช้ในระบบบรรจุเข้าทํางาน เพราะผู้ที่บรรจุเข้าทํางานในระบบใหม่จะมีระบบค่าตอบแทนอีกแบบหนึ่ง
ในช่วงการเปลี ยนผ่าน เป็นค่าเฉลี่ยที่กำหนดจากฐานเงินเดือนเดิมแล้วคูณด้วย 1.3 เหมือนกันทั้งสายวิชาการและสายสนับสนุน ซึ่งเป็นการเพิ่ มที่มากที่สุดที ่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้มีการต่อรองแล้ว แต่ไม่ใช่อัตราที่ใช้ในระบบบรรจุเข้าทํางาน เพราะผู้ที่บรรจุเข้าทํางานในระบบใหม่จะมีระบบค่าตอบแทนอีกแบบหนึ่ง
คำถามที่ 30: หากการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐเป็นสิ่งที่ดี ทําไมมหาวิทยาลัยเพิ่งจะดำเนินการเรื่องนี้
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ดําเนินการเพื่อเป็นมหาวิทยาลัยในกํากับของรัฐ มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2543
ได้ยกร่าง พ.ร.บ. และจัดทําประชาพิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเชิญ รองศาสตราจารย์ ดร.โคทม อารียา
มาร่วมเป็ นกรรมการ ซึ่งร่าง พ.ร.บ.นี้จะต่างจากของมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เนื องจากกำหนดให้ทุกวิทยาเขตเป็นนิติบุคคล จึงถูกพิจารณาเป็นพิเศษจากคณะกรรมการกฤษฎีกาทําให้ล่าช้า จนมีการยุบสภา หลังจากนั้นหลายมหาวิทยาลัยเริ่ มมีการดําเนินการปรับสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกํากับ ฯ อีกครั้ง แต่บางมหาวิทยาลัยงยังชะลอไว้เนื่ องจากยังขาดความชัดเจนจากภาครัฐ ในเรื่ องของงบประมาณสนับสนุน การบริหารงานบุคคล และ เงินเดือน
ต่อมามีความชัดเจนมากขึ้น ทําให้มหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ หลายแห่งทยอยปรับสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกํากับ ล่าสุด ร่าง พ.ร.บ. ของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กําลังเข้าสู่การพิจารณาและคาดว่าจะมีการประกาศใช้อีกไม่นาน เมื่ อถึงเวลานั้น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะเป็นมหาวิทยาลัยเดียวในบรรดามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ 9 แห่งที่ยังคงเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ การเหลือเพียงมหาวิทยาลัยเดียวจะทําให้ขาดนํ้าหนักในการต่อรองในเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องการใช้งบประมาณ เพื่อความคล่องตัวในการทําวิจัย และ วันนี้ปรากฏภาพชัดเจนในเรื่ องการสนับสนุนงบประมาณ สิทธิของบุคลากร และการมีอํานาจต่อรองในเรื่องต่าง ๆ ความกังวลในหลายประเด็น เช่น การขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษาที่เกรงว่า กลัวว่าจะเหมือนมหาวิทยาลัยเอกชนจึงหมดไป
ได้ยกร่าง พ.ร.บ. และจัดทําประชาพิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเชิญ รองศาสตราจารย์ ดร.โคทม อารียา
มาร่วมเป็ นกรรมการ ซึ่งร่าง พ.ร.บ.นี้จะต่างจากของมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เนื องจากกำหนดให้ทุกวิทยาเขตเป็นนิติบุคคล จึงถูกพิจารณาเป็นพิเศษจากคณะกรรมการกฤษฎีกาทําให้ล่าช้า จนมีการยุบสภา หลังจากนั้นหลายมหาวิทยาลัยเริ่ มมีการดําเนินการปรับสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกํากับ ฯ อีกครั้ง แต่บางมหาวิทยาลัยงยังชะลอไว้เนื่ องจากยังขาดความชัดเจนจากภาครัฐ ในเรื่ องของงบประมาณสนับสนุน การบริหารงานบุคคล และ เงินเดือน
ต่อมามีความชัดเจนมากขึ้น ทําให้มหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ หลายแห่งทยอยปรับสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกํากับ ล่าสุด ร่าง พ.ร.บ. ของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กําลังเข้าสู่การพิจารณาและคาดว่าจะมีการประกาศใช้อีกไม่นาน เมื่ อถึงเวลานั้น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะเป็นมหาวิทยาลัยเดียวในบรรดามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ 9 แห่งที่ยังคงเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ การเหลือเพียงมหาวิทยาลัยเดียวจะทําให้ขาดนํ้าหนักในการต่อรองในเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องการใช้งบประมาณ เพื่อความคล่องตัวในการทําวิจัย และ วันนี้ปรากฏภาพชัดเจนในเรื่ องการสนับสนุนงบประมาณ สิทธิของบุคลากร และการมีอํานาจต่อรองในเรื่องต่าง ๆ ความกังวลในหลายประเด็น เช่น การขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษาที่เกรงว่า กลัวว่าจะเหมือนมหาวิทยาลัยเอกชนจึงหมดไป
คำถามที่ 29: การประเมินส่วนงานจะทําในมิติด้านใดบ้าง
ทุกส่วนงานต้องมีการประเมิน แต่รายละเอียดของการประเมินจะมีการออกเป็นข้อบังคับ โดยทั่วไป
มหาวิทยาลัยต้องได้รับการประเมินตามกฎระเบียบของ สกอ.อยู่แล้ว แต่ทีระบุไว้ในมาตรา 48 ว่า มหาวิทยาลัยต้องจัดให้มีการประเมินส่วนงานของมหาวิทยาลัย นั้น จะมีการประเมินที่มากกว่าที่ถูกกําหนดโดย สกอ. เช่น อาจมีการประเมินเรื่องการคุ้มค่า และ ระบบบริหารจัดการ เพื่อประกอบการพิจารณาของสภามหาวิทยาลัยเรื่องการคุ้มค่าของการมีหน่วยงานนั้น ๆ การมีระบบประเมินที่เข้มข้นขึ้นเพราะเราต้องดูแลตัวเองมากขึ้ น
มหาวิทยาลัยต้องได้รับการประเมินตามกฎระเบียบของ สกอ.อยู่แล้ว แต่ทีระบุไว้ในมาตรา 48 ว่า มหาวิทยาลัยต้องจัดให้มีการประเมินส่วนงานของมหาวิทยาลัย นั้น จะมีการประเมินที่มากกว่าที่ถูกกําหนดโดย สกอ. เช่น อาจมีการประเมินเรื่องการคุ้มค่า และ ระบบบริหารจัดการ เพื่อประกอบการพิจารณาของสภามหาวิทยาลัยเรื่องการคุ้มค่าของการมีหน่วยงานนั้น ๆ การมีระบบประเมินที่เข้มข้นขึ้นเพราะเราต้องดูแลตัวเองมากขึ้ น
คำถามที่ 28: มีการระบุพนักงานเงินรายได้ไว้ในร่าง พ.ร.บ.นี้หรือไม่ อย่างไร
พ.ร.บ.นี้จะการระบุถึงบุคลากรหรือพนักงานประจํา ส่วน พนักงานเงินรายได้หรือเดิมคือลูกจ้างชั่วคราว ยังมีการจ้างอยู่ และหากทํางานมีประสิทธิภาพจะได้รับการสนับสนุนให้ได้เป็ นพนักงานประจําแต่ไม่มีการพูดถึงในร่าง พ.ร.บ. ซึ่ง พ.ร.บ. เก่าก็เป็นไปในลักษณะนี้
คำถามที่ 27: ปัจจุบันในบางวิทยาเขต มีข้อบังคับของวิทยาเขตโดยเฉพาะ โดยมีการบริหารงานบางเรื่องจะแตกต่างออกไป เช่น วาระการดํารงตําแหน่งของผู้บริหาร และโครงสร้างการบริหาร ถ้า พ.ร.บ. นี้มีการบังคับใช้ ข้อบังคับเดิมจะต้องเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ระเบียบบริหารวิทยาเขตต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อให้สอดรับกับ พ.ร.บ. ฉบับใหม่ แต่ในบางเรื่อง
จะนําไปกำหนดไว้ในข้อบังคับเพื่อความยืดหยุ่นและ คล่องตัว เช่น องค์ประกอบ หลักเกณฑ์การสรรหา
กรรมการวิทยาเขต เป็ นต้น เนื่องจากแต่ละวิทยาเขตจะมีบริบทแตกต่างกัน
จะนําไปกำหนดไว้ในข้อบังคับเพื่อความยืดหยุ่นและ คล่องตัว เช่น องค์ประกอบ หลักเกณฑ์การสรรหา
กรรมการวิทยาเขต เป็ นต้น เนื่องจากแต่ละวิทยาเขตจะมีบริบทแตกต่างกัน
คำถามที่ 26: มหาวิทยาลัยจะมีการทบทวนเรื่องกองทุนประกันสังคมหรือไม่ อย่างไร เพราะผ่านมาไม่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายประกันสังคมเลย ควรเขียนให้ชัดไปว่า “กิจกรรมมหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ และ กฎหมายประกันสังคม” เพราะมองว่ามหาวิทยาลัยจัดสวัสดิการให้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว หากนําเงินส่วนนี้มาจัดการเองจะดีกว่าหรือไม่
ในร่าง 3 ของ พ.ร.บ. ไม่ได้ระบุถึงการประกันสังคม หมายความว่าเราจะเข้าระบบประกันสังคมหรือไม่ก็ได้ พ.ร.บ. หลายมหาวิทยาลัยกำหนดเรื่องนี้ ไม่เหมือนกัน แต่ขณะนี รัฐบาลกําลังทําประชาพิจารณ์ พ.ร.บ. ว่าด้วยบุคลากรในสถาบันการศึกษา ซึ่งระบุว่า “พนักงานมหาวิทยาลัยไม่ขึ้นอยู่กับประกันสังคม แต่
หน่วยงานต้องจัดสวัสดิการให้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประกันสังคม”
การให้พนักงานทําประกันสังคมในปัจจุบันเป็ นการสร้างกฎหมายมารองรับสิทธิประโยชน์ด้านสวัสดิการของพนักงาน ซึ่งบางท่านอาจไม่ได้ใช้ประโยชน์ ปัจจุบันประกันสังคมก็สามารถมีบําเหน็จบํานาญได้ ถึงแม้จะไม่มากก็ตาม สำหรับประเด็นการไม่เข้ารวมในกฎหมายประกันสังคมนี้ มหาวิทยาลัยรับไปพิจารณาในกรรมการร่าง พ.ร.บ. ต่อไป
หน่วยงานต้องจัดสวัสดิการให้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประกันสังคม”
การให้พนักงานทําประกันสังคมในปัจจุบันเป็ นการสร้างกฎหมายมารองรับสิทธิประโยชน์ด้านสวัสดิการของพนักงาน ซึ่งบางท่านอาจไม่ได้ใช้ประโยชน์ ปัจจุบันประกันสังคมก็สามารถมีบําเหน็จบํานาญได้ ถึงแม้จะไม่มากก็ตาม สำหรับประเด็นการไม่เข้ารวมในกฎหมายประกันสังคมนี้ มหาวิทยาลัยรับไปพิจารณาในกรรมการร่าง พ.ร.บ. ต่อไป
คำถามที่ 25: อำนาจการบริหารของมหาวิทยาลัยจะมากขึ้นและเป็นระบบทุนนิยมมากขึ้นเมื่อมีการปรับสถานะ จะส่งผลต่อความเป็นธรรมในการประเมินบุคลากรหรือไม่
การบริหารงานบุคคลทั้งในปัจจุบันและอนาคตมีระบบการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล ปัจจุบันก็มีกรรมการดูแลในด้านนี้ด้านนี้ เช่น กรรมการประเมินผลการปฏิบัติงานซึ่งมีอยู่หลายชุด กรรมการอุทธรณ์ร้องทุกข์ ซึ่งกรรมการอุทธรณ์ร้องทุกข์ในปัจจุบันนี้ต้องดูแลทั้ งข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้าง แต่งตั้งโดยสภามหาวิทยาลัย ไม่ได้กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. ไม่ได้เกิดขึ้ นตามกฎหมาย จึงได้มีการกำหนดประเด็นนี้ไว้ใน พ.ร.บ.ให้ชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจแก่บุคลากร ส่วนการบริหารการเงินไม่ได้เกี่ยวข้องกับแนวคิดทุนนิยม มหาวิทยาลัยจะสร้างระบบการบริหารจัดการที่คล่องตัว เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อนำไปใช้ในสิ่งที่ประโยชน์ให้มากที่สุด
คำถามที่ 24: การเป็นมหาวิทยาลัยอาจต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น จะเกิดการเลิกจ้างพนักงานอันเนื่องมาจากการรับนักศึกษาที่ไม่ได้จำนวนตามแผนหรือไม่
สํานักงบประมาณจะจัดสรรงบสําหรับทั้งพนักงานมหาวิทยาลัย และ ข้าราชการที่ปรับเปลี่ยนมาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย โดยมีตัวอย่างให้เห็นจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่ได้ปรับสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับแล้ว
คำถามที่ 23: พนักงานมหาวิทยาลัยจะได้รับผลกระทบอย่างไร เมื่อมีการปรับเปลี่ยนสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ
พนักงานมหาวิทยาลัยอยู่ยังคงสภาพเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย แต่จะมีข้อดีตรงที่ว่าจะมีระเบียบด้านการบริหารงานบุคคลที่เอื้อต่อพนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันมหาวิทยาลัยมี 2 ระบบที่ขนานกันอยู่ ซึ่งเมื่อมีกฎระเบียบอะไรก็ออกก็เอาระเบียบของข้าราชการมาใช้กับพนักงานมหาวิทยาลัยด้วย ซึ่งในอนาคตไม่ต้องนำระเบียบข้าราชการมาใช้แล้ว แต่ต้องมาคิดกันว่าอยากจะให้การบริหารงานบุคคลของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไร ก็กำหนดขึ้นในบริบทของตนเอง
คำถามที่ 22: การเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐส่งผลกระทบกับบุคลากรที่เป็นข้าราชการอย่างไร
ผลกระทบต่อบุคลากรที่เป็นข้าราชการ เมื่อมหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานในกำกับฯ ข้าราชการมีสิทธิ์เลือกที่จะคงสถานะของตนเองจนเกษียณก็ได้ หรือจะเปลี่ยนสถานะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยก็ได้ แต่อาจมีเงื่อนไข เช่น หากปรับเปลี่ยนสถานะภายใน 1 ปี ก็อาจจะไม่มีการประเมินจากการเปลี่ยนสถานะ แต่หากเลย 3 ปีไปแล้ว ก็อาจจะมีการประเมินหากจะมีการปรับเปลี่ยนสถานะ แต่อย่างไรก็ตามผู้บริหารจะมีกำหนดในบทเฉพาะกาลว่า จะต้องเปลี่ยนเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยภายในกี่ปี ซึ่งจะมีการกำหนดใน พ.ร.บ. (ขณะนี้เป็นร่าง) แต่อธิการบดีและรองอธิการบดีจะต้องเปลี่ยนสถานะไปเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยภายใน 30 วัน ส่วนคณบดีจะมีการเปลี่ยนสถานะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยภายใน 120 วัน
คำถามที่ 21: การเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อขึ้นค่าเล่าเรียนใช่หรือไม่
การปรับค่าธรรมเนียมของมหาวิทยาลัยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐหรือไม่ แต่มหาวิทยาลัยมีความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับอยู่แล้วตามอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอยู่ที่ 3% ซึ่งไม่ได้ปรับทุกปี ในอดีตที่ผ่านมา ในสถานะการเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ก็ยังมีความจำเป็นที่ต้องขึ้นค่าเล่าเรียนอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ใช้ค่าเล่าเรียนตามประกาศปี 2550 ก่อนหน้านั้นมีค่าเล่าเรียนไว้อีกค่าหนึ่ง และในปี 2557 มหาวิทยาลัยก็มีความจำเป็นที่ต้องปรับค่าเล่าเรียนอีก ส่วนวิทยาเขตปัตตานีมีการปรับค่าธรรมเนียมตั้งแต่ปี 2556-58 ขณะที่วิทยาเขตอื่นนั้นจะปรับไปจนถึงปี 2559 ดังนั้น การปรับค่าธรรมเนียมไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)